หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ /พระวังคีสเถระ l ผู้รับจ้างดีดกระโหลก

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    นายกาละ l ไปฟังธรรมเพราะพ่อจ้าง #อนาถบิณฑิกเศรษฐี #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    May 28, 2025

    *นายกาละ* เป็นบุตรชายของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี แม้ว่าบิดาของเขาจะเป็นผู้มีศรัทธามาก แต่ตัวนายกาละเองกลับไม่ได้เป็นเหมือนบิดาในเรื่องนี้ เขาไม่ปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ไม่ต้องการพบพระสงฆ์ในเรือน ไม่ต้องการฟังธรรม และไม่ช่วยเหลือสงฆ์ แม้บิดาจะว่ากล่าวพร่ำสอน เขาก็ไม่ฟัง ท่านเศรษฐีผู้เป็นบิดาเห็นว่า ถ้าลูกชายยังมีความคิดเห็นเช่นนั้น ก็จะมีนรกอเวจีเป็นที่ไป ด้วยความกังวลว่าในขณะที่ตนยังมีชีวิตอยู่ ลูกชายไม่ควรไปอเวจี ท่านเศรษฐีจึงคิดหาทางปรับเปลี่ยนทิฐิของลูกชาย ท่านได้เรียกนายกาละมาและยื่นข้อเสนอว่า ถ้าเขายอมรักษาอุโบสถและไปฟังธรรมที่พระวิหารเชตวันเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน *บิดาจะให้เงิน 100 กหาปณะ* นายกาละซึ่งต้องการเงินจึงรับปากบิดา ในวันอุโบสถ เขาได้สมาทานรักษาอุโบสถแล้วไปอยู่ที่พระวิหาร แต่ได้หลบซ่อนตัวนอนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาเช้า เขาก็กลับมาที่บ้าน เศรษฐีเห็นลูกชายกลับมาก็สั่งให้คนรับใช้นำอาหารมาให้ แต่นายกาละกล่าวว่าถ้ายังไม่ได้รับเงินก็จะไม่กินข้าว บิดาจึงนำเงิน 100 กหาปณะมาให้ตามสัญญา
    วันรุ่งขึ้น เศรษฐีได้ยื่นข้อเสนออีกว่า นายกาละจะได้ *เงิน 1,000 กหาปณะ* หากเขายอมไปยืนฟังธรรมต่อหน้าพระพักตร์พระศาสดา และเรียนจำบทธรรมมาได้หนึ่งบท นายกาละรีบไปพระวิหาร ยืนอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ตั้งใจว่าจะเรียนจำให้ได้บทหนึ่งแล้วจะกลับไปเอาเงิน แต่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำให้นายกาละไม่สามารถกำหนดจำบทธรรมใดๆ ได้เลย เขายิ่งพยายามต่อไปจนกระทั่งตกค่ำ ในขณะที่พยายามอยู่นั้น เขาก็เกิดความเข้าใจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไปตามลำดับ จนกระทั่ง**บรรลุโสดาปฏิผล** และได้เป็นพระโสดาบัน ในวันรุ่งขึ้น พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ได้เสด็จมาที่เรือนของท่านเศรษฐี โดยมีนายกาละตามมาด้วย ท่านเศรษฐีเห็นอาการของลูกชายแล้วก็ดีใจมาก ส่วนนายกาละเองก็คิดว่าหวังว่าบิดาคงจะไม่พูดเรื่องค่าจ้างในการรักษาอุโบสถและฟังธรรม ท่านเศรษฐีได้ถวายยาคูและของเคี้ยวของบริโภคแก่พระสงฆ์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยเสร็จแล้ว ท่านเศรษฐีได้นำเงิน 1,000 กหาปณะ มาวางตรงหน้าลูกชาย พร้อมกล่าวว่าเป็นเงินที่เคยบอกว่าจะให้หากรักษาอุโบสถและฟังธรรมที่พระวิหาร แต่นายกาละกลับกล่าวว่า *"ผมไม่ต้องการเงินแล้ว"* ท่านเศรษฐีปลาบปลื้มใจมาก จึงกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า วันนี้ข้าพระองค์พอใจในความประพฤติของลูกชายมาก แล้วจึงกราบทูลเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ พระศาสดาตรัสว่า *"วันนี้โสดาปฏิผลเป็นของบุตรท่านแล้ว"* พระองค์ยังได้อธิบายว่า การได้โสดาปฏิผลนั้น *ประเสริฐกว่าจักพรรดิสมบัติ* (ความได้เป็นเอกราชาบนพื้นปฐพี คือ การได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ) ยิ่งกว่าการได้สมบัติในเทวโลกและพรหมโลกเสียอีก ทั้งนี้เพราะโสดาปฏิผลทำให้พ้นจากนรกเป็นต้น และจะไม่เกิดอีกเป็นภพที่ 8 ในขณะที่การได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหรือการเป็นอธิบดีในโลกทั้งปวง (หมายถึงโลกทั้งหมดพร้อมด้วยโลกของนาค ครุฑ และเวมานิกะ ซึ่งก็คือสวรรค์ 26 ชั้น เว้นอบายสี่และมนุษย์หนึ่ง) ก็ยังไม่พ้นจากการเกิดในนรกเป็นต้น เรื่องราวของนายกาละจึงแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต จากผู้ที่ไม่มีศรัทธาและเห็นแก่เงิน จนกระทั่งได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรงและบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ซึ่งเป็นการบรรลุธรรมขั้นต้นที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ในที่สุด และมีคุณค่าประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติหรือความเป็นใหญ่ในโลกทั้งปวง แหล่งข้อมูลยังกล่าวถึงคติธรรมว่า บัณฑิตย่อมปรารถนาอภิชาตบุตร (ผู้มีคุณความดีสูงกว่าพ่อแม่) และอนุชาตบุตร (ผู้มีคุณความดีเสมอพ่อแม่) และไม่ปรารถนาอวชาตบุตร (ผู้มีคุณความดีน้อยกว่าพ่อแม่) การที่นายกาละเปลี่ยนแปลงตนเองจนบรรลุธรรมเช่นนี้ อาจถือได้ว่าเขาได้พัฒนาตนเองจากผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นอวชาตบุตรไปสู่การเป็นอภิชาตบุตรหรืออนุชาตบุตรในที่สุด.
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    นางธนัญชานี พราหมณี l "ตำนาน นะโมตัสสะ" ผู้ชอบนอบน้อมพระรัตนตรัย #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    May 14, 2025

    *นางธนัญชานี พราหมณี* ผู้ซึ่งมีความศรัทธาในพระรัตนตรัยอย่างแรงกล้า ต่างจากสามีซึ่งเป็น *มิจฉาทิฏฐิ* แม้ทั้งสองจะมีมุมมองทางศาสนาที่แตกต่างกันแต่ก็ยังคงรักใคร่กัน นางพราหมณีแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าและหมู่ภิกษุสงฆ์อย่างเปิดเผย ในขณะที่สามีหลีกเลี่ยงและไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำสรรเสริญพระรัตนตรัย แม้สามีจะขู่ด้วยความโกรธ แต่นางพราหมณีก็ไม่ละทิ้งความศรัทธาของตน เหตุการณ์ในวันหนึ่งที่นางพราหมณีเผลอเปล่งเสียง *นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ* ท่ามกลางพราหมณ์จำนวนมาก ทำให้พราหมณ์เหล่านั้นไม่พอใจและจากไป เหตุการณ์นี้ผลักดันให้สามีของนางไปท้าทายพระพุทธเจ้า แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้รับคำตอบที่ชาญฉลาดเกี่ยวกับ *การฆ่าความโกรธ* และในที่สุดก็เกิดศรัทธาจนได้บวชเป็นพระภิกษุและบรรลุอรหันต์ในที่สุด
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    พระพุทธเจ้าสอนธรรม ท้าวสักกเทวราช(พระอินทร์)บรรลุธรรม สักกปัญหสูตร

    ธรรมะธรรมชาติ
    Oct 1, 2023
    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในถ้ำอินทสาละที่ภูเขาเวทิยกะ ทางทิศเหนือ ของหมู่บ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกแห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เวลานั้น ท้าวสักกะจอมเทพทรงเกิดความขวนขวายเพื่อจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ทรงมีความดำริดังนี้ว่า “บัดนี้ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่ไหนหนอ” ทอดพระเนตรเห็นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ใน ถ้ำอินทสาละ ที่ภูเขาเวทิยกะ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก แห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ จึงรับสั่งเรียกพวกเทพชั้นดาวดึงส์มาตรัสว่า “ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในถ้ำอินทสาละที่ภูเขาเวทิยกะ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกแห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ทางที่ดี ชาวเราควรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น”..

    . โดยเรื่องราวในตอนนี้จะเป็นอย่างไรเชิญรับฟังได้เลยครับ

     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    กูฏทันตพราหมณ์ l ผู้ทูลถามยัญสมบัติ 3 บริวาร 16 #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 10, 2025

    พิธีบูชายัญเป็นประเด็นสำคัญโดยเริ่มต้นจากกุฏทันตพราหมณ์ผู้เป็นพราหมณ์ผู้ครอบครองหมู่บ้านชื่อขาณุมัตตาในแคว้นมคธ. *บริบทเริ่มต้นของพิธีบูชายัญของกุฏทันตพราหมณ์*
    • กุฏทันตพราหมณ์กำลังให้คนจัดเตรียมประกอบพิธีบูชายัญ.
    • ในการเตรียมพิธีนั้น มีการนำสัตว์จำนวนมากมาผูกไว้กับเสา ได้แก่ **โคตัวผู้ 700 ตัว, โคตัวเมีย 700 ตัว, ลูกโค 700 ตัว, แพะ 700 ตัว และแกะ 700 ตัว**.
    • กุฏทันตพราหมณ์ปรารถนาที่จะบูชา *มหายันต์* (การบูชายัญอันยิ่งใหญ่).
    • เมื่อกุฏทันตพราหมณ์คิดที่จะเข้าเฝ้าพระสมณโคดมเพื่อทูลถามเกี่ยวกับยันต์สมบัติ 3 ประการซึ่งมีบริวาร 16 พราหมณ์ 100 คนที่พักอยู่ในบ้านขาณุมัตตาซึ่งหวังจะบริโภคมหายันต์ของกุฏทันตพราหมณ์ได้พากันมาห้ามปรามไม่ให้ไปเฝ้าพระสมณโคดม เพราะจะเสียเกียรติยศ โดยอ้างคุณสมบัติต่างๆ ของกุฏทันตพราหมณ์ เช่น ชาติตระกูลดี มีทรัพย์มาก คงแก่เรียน และมีรูปงาม. แต่กุฏทันตพราหมณ์กลับเห็นว่าพระสมณโคดมต่างหากที่มีคุณสมบัติควรแก่การเข้าไปหา.
    *มหายันต์ในอดีตกาลที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง* กุฏทันตพราหมณ์ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่าทรงทราบยัญสมบัติ 3 ประการซึ่งมีบริขาร 16 อย่างหรือไม่ และขอให้ทรงแสดงแก่ตน. พระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าเรื่องในอดีตกาลสมัยพระเจ้ามหาวิชิตาที่ทรงต้องการบูชามหายัญ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์และความสุข. ก่อนการบูชายัญ พราหมณ์ปุโรหิตได้แนะนำให้พระเจ้ามหาวิชิตาทรงปราบโจรผู้ร้ายด้วยวิธีการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นก่อน โดย:
    • แจกพันธุ์พืชแก่เกษตรกร.
    • ให้ทุนแก่พ่อค้าที่ขยัน.
    • ให้อาหารและค่าจ้างแก่ข้าราชการ.
    เมื่อพระราชาทรงทำตามนั้นก็เกิดผลดี. จากนั้น ปุโรหิตได้ขออนุญาตบูชามหายันต์จากบุคคล 4 เหล่า ซึ่งถือเป็น *ฝ่ายอนุมัติ 4* ซึ่งเป็นเครื่องประกอบของยันต์นั้น: 1. กษัตริย์ที่เป็นเมืองขึ้น. 2. อำมาตย์และข้าราชการที่อยู่ในชนบท. 3. พราหมณ์ในชนบท. 4. คฤหบดีในชนบท. นอกจากนี้ ยันต์ยังมีองค์ประกอบจากคุณสมบัติอีก 2 ส่วน ได้แก่:
    • *คุณสมบัติของพระราชา 8 ประการ* ซึ่งเป็นเครื่องประกอบของยันต์:
    1. มีชาติตระกูลดี. 2. มีรูปงาม. 3. มีทรัพย์มาก. 4. มีกำลังมาก. 5. มีศรัทธาบริจาคทาน. 6. มีการสดับรับฟัง. 7. รู้ความหมายของภาษิตต่างๆ. 8. ฉลาดมีปัญญา.
    • *คุณสมบัติของพราหมณ์ปุโรหิตอีก 4 ประการ* ซึ่งเป็นเครื่องประกอบของยันต์:
    1. มีชาติตระกูลดี. 2. ท่องจำมนต์ได้. 3. มีศีล. 4. ฉลาดมีปัญญา. รวมทั้งหมดเป็น *16 ประการ* (ฝ่ายอนุมัติ 4, คุณสมบัติของพระราชา 8, และคุณสมบัติของปุโรหิต 4). *ลักษณะของมหายันต์ที่ถูกต้องตามธรรม* ปุโรหิตได้แสดงญาณ 3 แก่พระราชาเพื่อมิให้ทรงมีความร้อนพระทัยว่าทรัพย์จะหมดไป. การบูชายัญในครั้งนี้เป็นยันต์ที่:
    • **ไม่มีการฆ่าสัตว์**.
    • *ไม่มีการตัดทำลายต้นไม้* เพื่อสร้างปราสาทต้อนรับผู้มาร่วมพิธี.
    • พวกทาสกรรมกร *ไม่ต้องถูกขู่เข็ญ* มีน้ำตานองหน้า.
    • ยันต์นั้นสำเร็จด้วย **เนยใส น้ำมัน เนยข้น น้ำส้ม น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย**.
    • พระเจ้ามหาวิชิตา *ไม่ทรงรับเครื่องบรรณาการ* ที่มีผู้นำมา แต่ทรงให้เพิ่มแก่พวกเขาด้วย และพวกเขาก็ร่วมสละบริจาคไป.
    • เป็นยันต์ที่กระทำโดยธรรม ไม่มีผู้ใดติเตียนได้เลย.
    *ยันต์อื่นที่มีผลมากกว่า* กุฏทันตพราหมณ์ทูลถามต่อไปว่ามียันต์อื่นที่เลิศน้อยกว่าแต่มีผลมากกว่าอีกหรือไม่ พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่ามี ได้แก่:
    1. **การให้ทานเป็นนิจแก่ผู้มีศีล**.
    2. *การสร้างวิหารอุทิศสงฆ์จาตุรทิศ* (พระสงฆ์ทั้ง 4 ทิศ).
    3. *การถึงพระรัตนตรัย* (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์).
    4. **การสมาทานศีล**.
    5. **การออกบวชประพฤติพรหมจรรย์จนบรรลุวิชชา 8**. *ผลลัพธ์หลังจากพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม* เมื่อทรงแสดงพระเทศนาจบ กุฏทันตพราหมณ์เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง.

    • ประกาศตนเป็น *อุบาสก* ถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิต.
    • สั่ง **ปล่อยสัตว์ทั้งหลายให้เป็นอิสระ**.
    • เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาและอริยสัจ 4 กุฏทันตพราหมณ์ก็ **บรรลุเป็นพระโสดาบัน**.


     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    ปิงคิยานีพราหมณ์ l "อุบาสก ผู้เผยแผ่ธรรมในวัชชี" #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม #พระพุทธเจ้า

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 18, 2025

    การณปาลีสูตร - ปิงคิยานีพราหมณ์ทูลสรรเสริญพระพุทธเจ้า *ปิงคิยานีพราหมณ์* อุบาสกผู้เผยแผ่ธรรมะในวัชชี โดยเน้นย้ำถึงศรัทธาอันแรงกล้าของท่านต่อพระพุทธเจ้า ท่านมักจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์แต่เช้าตรู่ และได้สนทนากับ *กาลณปาลีพราหมณ์* เพื่อชี้แจงถึงคุณประโยชน์ของการฟังธรรม โดยยกอุปมาเปรียบเทียบต่างๆ เช่น การเปรียบธรรมะกับการได้น้ำผึ้ง หอมไม้จันทน์ การรักษาโรค หรือการได้ลงอาบน้ำในสระน้ำเย็น อันนำมาซึ่งความสงบและปิติยินดี บทความยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ปิงคิยานีพราหมณ์ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับเจ้าลิจฉวี และได้ถวายผ้า 500 ผืนแด่พระพุทธองค์ ซึ่งเป็นโอกาสให้พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงรัตนะ 5 ประการที่หาได้ยากยิ่งในโลก ซึ่งรวมถึงพระตถาคต ผู้แสดงธรรม ผู้รู้แจ้งธรรม และผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม รวมถึงผู้ที่มีความกตัญญู บทความนี้จึงเน้นย้ำถึง *ความสำคัญของพระธรรม* และ *ความประเสริฐของพระพุทธเจ้า* ผ่านเรื่องราวของปิงคิยานีพราหมณ์และพราหมณ์อื่นๆ
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    พระวังคีสเถระ l ผู้รับจ้างดีดกระโหลก "เอตทัคคะฝ่ายผู้มีปฏิภาณ" #คนตื่นธรรม #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 21, 2025

    พระวังคีสะ (Phra Vangisa) เป็นพระเถระที่ได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้มีปฏิภาณ
    *ภูมิหลังและวิชาชีพเดิม* เดิมที พระวังคีสะเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่นครสาวัตถี ท่านได้รับการศึกษาจนจบไตรเพทและมีความชำนาญเป็นที่พอใจของอาจารย์ อาจารย์จึงได้สอนมนต์พิเศษที่ชื่อว่า "ชวสีสมมุน" ให้ ซึ่งเป็นมนต์ที่ใช้พิสูจน์ศีรษะซากศพมนุษย์ที่ตายไปแล้วถึง 30 ปีได้ โดยการใช้นิ้วหรือดีดที่กะโหลกก็สามารถรู้ได้ว่าเจ้าของกะโหลกนั้นตายไปเกิดเป็นอะไรและเกิดที่ไหน พระวังคีสะมีความเชี่ยวชาญในมนต์นี้มาก จึงอาศัยมนต์นี้เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต และเริ่มมีชื่อเสียงเลื่องลือมากขึ้น ต่อมาท่านได้ตั้งคณะมีผู้ร่วมงานทำกันเป็นระบบ มีการโฆษณาชักชวนให้คนมาใช้บริการ และเดินทางไปทั่วตามเมืองต่าง ๆ ผู้คนจะนำกะโหลกของญาติที่ตายไปแล้วมาให้พิสูจน์กันมากมาย ทำให้คณะของวังคีสะได้รับสิ่งตอบแทนมากมาย ทั้งสิ่งของ อาหาร และเงินจำนวนมาก จนมีฐานะร่ำรวยขึ้น
    *การพบพระพุทธเจ้า* ขณะที่คณะของพระวังคีสะเดินทางท่องเที่ยวไปตามเมืองต่าง ๆ แล้วย้อนกลับมายังเมืองสาวัตถี พักอยู่ในที่ไม่ไกลจากประตูพระเชตวันมหาวิหารมากนัก พวกเขาเห็นประชาชนถือดอกไม้และเครื่องสักการะไปยังวัดพระเชตวัน จึงถามว่าไปไหนกัน ประชาชนตอบว่า "จะไปฟังเทศน์ที่วัดพระเชตวัน" คณะของวังคีสะจึงชักชวนว่า "มาหาบังคีสาร จะดีกว่า เพราะท่านสามารถรู้ว่าคนที่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นอะไร ไปเกิดที่ไหน" พุทธบริษัทโต้แย้งว่า "ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดจะรู้เท่าเทียมพระพุทธเจ้าของพวกเราได้หรอก" การโต้ตอบนี้กลายเป็นการโต้เถียงที่รุนแรงขึ้นและไม่เป็นที่ยุติ กลุ่มของวังคีสะจึงตามไปที่พระเชตวันมหาวิหารเพื่อพิสูจน์ความสามารถว่าใครจะเหนือกว่ากัน
    *การทดสอบและข้อจำกัดของมนต์*
    พระพุทธเจ้าทรงทราบวัตถุประสงค์ของกลุ่มวังคีสะเป็นอย่างดี จึงรับสั่งให้นำกะโหลกคนตายมา 5 กะโหลก ได้แก่:
    1. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดในนรก
    2. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดในสวรรค์
    3. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    4. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดเป็นมนุษย์
    5. กะโหลกของพระอรหันต์
    เมื่อได้กะโหลกศีรษะครบแล้ว ได้มอบให้วังคีสะตรวจสอบว่าเจ้าของกะโหลกเหล่านั้นไปเกิดที่ไหน วังคีสะตรวจสอบกะโหลกเหล่านั้นไปตามลำดับ และสามารถทราบสถานที่ไปเกิดได้อย่างถูกต้องทั้ง 4 กะโหลกแรก แต่พอมาถึงกะโหลกสุดท้ายซึ่งเป็นกะโหลกของพระอรหันต์ ท่านไม่สามารถทราบได้ ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าของกะโหลกว่าไปเกิดที่ไหน วังคีสะจึงนิ่งอยู่คู่หนึ่ง พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า "วังคีสะรู้หรือไม่" วังคีสะตอบว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่รู้ พระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตถาคตรู้" และเมื่อวังคีสะถามว่าทรงทราบด้วยมนต์อะไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ด้วยกำลังมนต์ของตถาคตเอง"
    *การอุปสมบทและการบรรลุอรหัตผล*
    จากนั้น วังคีสะได้กราบทูลขอเรียนมนต์นั้นจากพระบรมศาสดา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงรับจะสอนให้ แต่มีข้อแม้ว่า "ผู้เรียนจะต้องบวช จึงจะสอนให้" วังคีสะคิดว่าถ้าเรียนมนต์นี้จบก็จะไม่ใครเทียมได้ จะเป็นประโยชน์แก่อาชีพของตนเป็นอย่างยิ่ง จึงบอกให้พราหมณ์ร่วมคณะเหล่านั้นรออยู่สัก 2-3 วัน เมื่อบวชเรียนมนต์จบแล้วก็จะสึกออกไปร่วมคณะกันต่อไป เมื่อวังคีสะบวชแล้ว พระบรมศาสดาประทานกรรมฐานมีอาการ 32 เป็นอารมณ์ รับสั่งให้สาธยายท่องบริกรรมพร้อมทั้งพิจารณาไปด้วย ฝ่ายพราหมณ์ที่คอยอยู่ก็มาถามเป็นระยะ ๆ ว่าเรียนมนต์จบหรือยัง วังคีสะก็ตอบว่ากำลังเรียนอยู่ ไม่นานนัก ท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา พวกพราหมณ์เหล่านั้นเห็นว่าท่านไม่หวนกลับมาสึกออกไปประกอบอาชีพฆราวาสเช่นเดิมอีกแล้ว จึงได้แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัยของตน
    *บทบาทหลังการบรรลุธรรมและปรินิพพาน*
    พระวังคีสะเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เป็นกำลังช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเมื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคครั้งใดก็จะกล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณบทหนึ่งอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้มีปฏิภาณ คือมีความสามารถในการผูกบทกวีคาถา ท่านดำรงอายุสังขารสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...